วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

อาหารสำหรับเด็กปฐมวัย








เรื่องที่ 3.1หลักการจัดเตรียมอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กปฐมวัย
การจัดเตรียมอาหารที่จะสามารถให้ประโยชน์แก่เด็กได้อย่างเต็มที่ โดยใช้งบประมาณที่เหมาะสม ในการจัดการที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่โดยยึดหลัก 1. การจัดอาหารที่มีประโยชน์2. เป็นอาหารที่มีคุณค่า 3. การจัดอาหารที่ประหยัดนอกจากนี้ควรศึกษาและเข้าใจในสาระสำคัญใน ด้าน การจัดรายการอาหารสำหรับเด็กปฐมวัย
การจัดรายการอาหารสำหรับเด็กปฐมวัยเป็นการจัดอาหารสำหรับเด็กเมื่อมาอยู่ในสถานศึกษา คือ อาหารหลัก 1 มื้อ และอาหารว่าง พร้อมเครื่องดื่มในตอนเช้าและบ่ายอีก 2 มื้อ รวมเป็น 3 มื้อ อาจแยกได้ ดังนี้ 1. อาหารหลัก เป็นอาหารที่คุณค่าทางโภชนาการในการเสริมสร้างความเจริญเติบโต มีคุณ ค่าทางอาหารมาก เพื่อความสะดวกของผู้เลี้ยงดูเด็ก ควรจัดเป็นรูปแบบอาหารจานเดียว ที่มี ความสมบูรณ์แบบทั้งคุณค่าทางโภชนาการ และเด็กสะดวกในการกินอาหารจานเดียว ซึ่งจะอยู่ ในลักษณะอาหารที่ปรุงสำเร็จใส่มาในจานเดียวกินได้โดยไม่ต้องมีอาหารอื่น เป็นการประหยัด เวลาและแรงงาน กำหนดคุณค่าทางอาหารได้ชัดเจน เช่น ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวทั้งน้ำและแห้ง ผัดมักกะโรนี ผัดไทย ซึ่งต้องมีอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เนื้อสัตว์ ผัก เด็กจะกินได้สะดวก
ข้อดี ของอาหารหลักประเภทอาหารจานเดียว คือ ไม่ต้องเสีย เวลาประกอบอาหารมาก สามารถทำได้อย่างรวดเร็วใช้เครื่อง มือ เครื่องใช้น้อย สามารถเพิ่มเติมส่วนประกอบได้ง่าย แต่ผู้ ปรุงต้องมีความรู้ทางโภชนาการที่จะปรับปรุงอาหารให้ดูน่ากิน โดยยังคงคุณค่า (ตัวอย่างการจัดอาหารหลักที่เป็นอาหารจานเดีย)
2. อาหารว่าง เป็นอาหารที่มิใช่อาหารคาวหรืออาหารหวาน แต่เมื่อเด็กกินแล้วจะอิ่มใช้สำหรับ เสริมให้แก่เด็กก่อนกินอาหารกลางวันเวลา 10.00 น. เพราะเด็กบางคนอาจกินอาหารเช้ามาน้อยหรือไม่ได้กินเลย และก่อนกลับบ้านเวลา 14.00 น. เพื่อ เสริมอันเกิดจากเด็กกินข้าวเที่ยงน้อยหรือมิให้ท้องว่างเกินไป ก่อนกินอาหารเย็น ควรเป็นอาหารที่เตรียมง่ายหาได้ในท้องถิ่น เช่นชาละเปา ข้าวต้มมัด ฟักทอง นึ่ง ข้าวเกรียบปากหม้อ สาคู ไส้หมู แซนวิชง่าย ๆ หลักการจัดอาหารว่างเสริมให้แก่เด็ก จะ ต้องจัดอาหารที่ให้แคลอรีและโปรตีน นอกจากนี้แล้วยังต้องให้ วิตามินหรือสารอาหารที่เพิ่มเติม ที่ยังขาดอยู่ให้แก่เด็กในแต่ ละวัน ทำได้ง่าย หาได้ในท้องถิ่น เด็กสามารถกินได้สะดวก ต้องไม่จัดอาหารด้อยคุณค่าให้แก่เด็ก เช่น ขนมกรุบกรอบเป็น ซองที่ใส่สารชูรสมาก หรือขนมสำเร็จรูปใส่สี เช่น เยลลี่ที่ไม่มี คุณค่าทางอาหารเพราะเด็กจะได้รับพิษจากอาหารเหล่านี้ เมื่อ กินสะสมเป็นเวลานานๆ (ตัวอย่างการจัดอาหารว่างหรืออาหารเสริม)
3. อาหารหวาน เป็นอาหารที่สามารถเสริมคุณค่าของอาหาร หลักได้ จะมีรสชาติหวานน้อยไปจนหวานมาก ผู้เลี้ยงดูเด็กไม่ ควรเลือกอาหารที่ให้ความหวานแต่เพียงอย่างเดียว ควรเลือก ขนมหวานที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้วย อาทิ เช่น ของหวาน ระหว่างขนมวุ้นใส่น้ำเชื่อมกับขนมถั่วแดงน้ำเชื่อม ควรเลือก ถั่วแดงที่จะให้คุณค่ามากกว่า โดยอาจใส่สีแดงหรือนมสดใน ถั่วแดงเป็นถั่วแดงเย็น เพื่อเปลี่ยนรสชาติของเด็ก (ตัวอย่างการจัดอาหารหลักที่เป็นอาหารหวาน)

นมแม่


ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
โดย แพทย์หญิงสุวิมล ชีวมงคล
( กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก)


ข้อดีของ การเลี้ยงลูกด้วย นมแม่
การเลี้ยงลูกด้วย นมแม่ ไม่ใช่เป็นเพียงการให้อาหารเพื่อให้ลูกอิ่ม และ ช่วยให้ลูกเติบโตเท่านั้น แต่ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นเรื่องของกระบวนการส่งเสริมพัฒนาการ และ การเจริญเติบโตของเด็กอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยเอื้อโอกาสให้เด็กกลายเป็นผู้มีบุคลิกภาพที่ดี ความเป็นผู้มีจริยธรรม อดทน อดกลั้น และ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น อันเนื่องมาจาก

๑. สารอาหารใน นมแม่ ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่างเหมาะสม ตามอายุลูก ซึ่งจะช่วยให้ลูกฉลาด และ แข็งแรง สารอาหารสำคัญ คือ ไขมันใน นมแม่ ที่จะไปห่อหุ้มเส้นใยประสาทในสมองเด็กที่กำลังเพิ่มการเชื่อมโยงการทำงานอย่างรวดเร็ว เพื่อให้การทำงานของสมองเด็กสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปรตีนใน นมแม่ ที่จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคภูมิแพ้ในเด็ก สารต้านการอักเสบใน นมแม่ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ และไม่สบายของเด็ก ทำให้เด็กไม่ต้องเสียโอกาสของการพัฒนาความสามารถไปกับความเจ็บป่วย ซึ่งสารอาหารดังกล่าวทั้งหมด ไม่สามารถจะถูกทดแทนได้ด้วย นมผสม

๒. สัญชาตญาณความเป็นแม่ที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มระดับของฮอร์โมนอ็อกซิโตซิน ( Oxytocin ) ในตัวแม่ขณะที่ลูกกำลังดูดนมจากอกแม่ที่จะช่วยให้แม่เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน เปี่ยมด้วยความรักและเมตตา อันเนื่องมาจากความรู้สึกสงบ เป็นสุข เปี่ยมด้วยความรัก ที่แม่มีต่อลูก ที่เกิดขึ้นมากกว่าปกติในตัวแม่ขณะลูกกำลังดูด นมแม่ ซึ่งเด็กจะรู้สึกได้ถึงความรู้สึกอ่อนโยน ทำให้เด็กอารมณ์ดี และ เป็นสุข

๓. กระบวนการโอบอุ้ม และ โต้ตอบ ระหว่างแม่และลูก ขณะลูกดูดนมจากอกแม่ ที่จะปูพื้นฐานสำคัญของกระบวนการเรียนรู้และตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างเหมาะสม ในเด็ก เพราะขณะที่ลูกดูดนมจากอกแม่ ลูกจะสบตาแม่ เป็นการสื่อสารสำคัญที่ถ่ายทอดผ่านการมองเห็นในระยะที่เหมาะสม เพราะช่วงแรกเกิด การมองเห็นของเด็ก จะเหมือนคนสายตาสั้น ซึ่งจะค่อยๆ เปลี่ยนระดับการมองเห็นไปเป็นระดับปกติเมื่อเด็กอายุ ๑ ปี นอกจากนี้ ขณะที่ลูกกำลังดูด นมแม่ มือลูกจะสัมผัสกับผิวแม่ จมูกลูกจะได้กลิ่นกายแม่ ลิ้นของลูกจะได้รับรส น้ำนมแม่ ร่วมกับความรู้สึกอิ่ม สบาย และ ผ่อนคลาย ขณะที่หูของลูกจะได้ยินเสียงที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัว ดังนั้น ประสาทสัมผัสทุกส่วนของเด็กจะถูกกระตุ้นให้เกิดการทำงาน บนความรู้สึกดีๆที่แม่ถ่ายทอดสู่ลูก อันจะเป็นพื้นฐานสำคัญ ของการสังเกต และ โต้ตอบอย่างเหมาะสมของเด็ก

ข้อดีของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ไม่ได้หยุดอยู่ที่ตัวเด็ก ที่ช่วยให้เด็ก ฉลาด แข็งแรง ลดโอกาสการเป็นโรค และ มีความพร้อมต่อการพัฒนาเป็นผู้มีจริยธรรมที่ดี จิตใจอ่อนโยน และ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรง ถึงแม่ ครอบครัว สังคม และ ประเทศ กล่าวคือ แม่ จะลดโอกาสการเกิดมะเร็งเต้านม ครอบครัวจะมีความสุขอันเนื่องมาจากการเป็นเด็กแข็งแรง มีพัฒนาการที่ดี ไม่ต้องเปลืองเงินไปกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลลูก และ การซื้อนมผสม สังคม จะเปี่ยมไปด้วยคนที่มีจิตใจดี และ มีความสามารถเต็มตามศักยภาพ ในขณะที่ประเทศมั่นคง เพราะสังคมดี และ เศรษฐกิจดี

ข้อควรรู้เมื่อเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
๑. การเติบโตของเด็กกินนมแม่ จะแตกต่างจากเด็กกินนมผสม ทั้งนี้ เด็กที่ได้กินนมแม่อย่างเหมาะสม จะเติบโตเร็วในช่วงแรก โดยเฉลี่ย ประมาณ ๖ เดือน จากนั้น การเติบโตของเด็กกินนมแม่หลายคน จะช้ากว่า เด็กที่กินนมผสม อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังเขียนข้อมูลนี้ กำลังอยู่ในระหว่างที่องค์การอนามัยโลก และ บุคลากรทางสาธารณสุขในประเทศไทยหลายท่านกำลังดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาทำแผนผังการเติบโตของเด็กกินนมแม่ (Growth Chart) ซึ่งยังไม่เคยมีมาก่อน (แผนผังการเติบโตของเด็กที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นแผนผังการเติบโตของเด็กที่กินนมมสม)
๒. แม่ทุกคนมีปริมานน้ำนมมากพอที่จะเลี้ยงลูก อย่ากังวลหากแม่บีบน้ำนมแม่ไม่ออกใน ๒ – ๓ วันแรกหลังคลอด เพราะในระยะนี้ น้ำนมแม่ยังมีปริมาณมากนัก แต่จะมีมากพอสำหรับลูก ขอเพียงแค่ คุณแม่ตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เชื่อมั่นว่าตนเองต้องมีน้ำนมพอ ทำตัวเองให้ผ่อนคลายไม่เครียด พยายามอดทนต่อความเหนื่อยที่ให้ลูกดูดนมทุก ๒- ๓ ชั่วโมง อดทนต่ออาการเจ็บหรือเสียวมดลูกขณะลูกกำลังดูดนม เพราะ ฮอร์โมนอ็อกซิโตซิน ที่ช่วยเพิ่มสัญชาตญานความเป็นแม่ จะส่งผลทำให้มดลูกหดตัวเช่นกัน
๓. เทคนิคสำคัญสู่ความสำเร็จของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คือให้ลูก ดูดเร็ว โดยให้ลูกดูดทันทีในห้องคลอด ดูดบ่อย ทุก ๒ – ๓ ชั่วโมง ดูดถูกวิธี คือปากลูกงับให้ถึงลานนม สังเกตได้จากปากลูกจะบาน คางลูกแนบหน้าอกแม่ ดั้งจมูกชิด หรือเกือบชิดหน้าอกแม่
๔. เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว ๖ เดือนแรก ไม่ต้องกินน้ำ หรืออาหารอื่น เป็นข้อแนะนำของ องค์การอนามัยโลก ร่วมกับ องค์การยูนิเซฟ ซึ่งได้จากการรวบรวมผลวิจัยจากประเทศต่างๆ และสรุปเป็นข้อแนะนำในคู่มือการให้อาหารทารก ( Global Strategy of Infant and Young Child Feeding ) เมื่อปี ๒๕๔๖ ว่า ทารกแรกเกิดทุกคนควรได้กินนมแม่อย่างเดียวไปจนอายุครบ ๖ เดือน แล้ว จึงให้นมแม่ร่วมกับน้ำ และอาหารอื่นที่เหมาะสมตามวัย จนลูกอายุ ๒ ปี หรือ นานกว่านั้น โดยอาหารเสริมที่จัดให้ลูกควรเป็นอาหารที่ผลิตเองในครัวเรีอน สำหรับการให้นมแม่โดยไม่ให้น้ำ ซึ่งขัดแย้งกับวิธีปฏิบัติของแม่ส่วนใหญ่ในประเทศไทยนั้น เหตุผลสำคัญที่ไม่จำเป็นต้องให้ลูกกินน้ำ คือ ในนมแม่มีน้ำเป็นจำนวนมากพอที่เด็กต้องการ และ การให้เด็กกินน้ำหลังจากกินนมแม่จะลดสารต้านการอักเสบที่มีในนมแม่ เพราะน้ำจะไปล้างสารต้านการอักเสบที่ลูกได้รับจากการกินนมแม่ที่เคลือบในปากลูกหลังจากลูกกินนมแม่
๕. ไม่จำเป็นต้องเช็ดถู ทำความสะอาดหัวนมก่อนให้ลูกดูดนมแม่ แต่ ควรจะดูว่าหัวนมตนเองมีขนาดสั้น ยาว หรือใหญ่กว่าปกติ ขณะตั้งครรภ์ เพราะหัวนมที่สั้น ยาว หรือใหญ่กว่าปกติอาจทำให้ลูกดูดนมแม่ได้ไม่ค่อยถนัด ทั้งนี้หากแม่มีความยาวหัวนมสั้นกว่าปกติ สามารแก้ไขได้ขณะตั้งครรภ์ เพื่อให้ลูกดูดนมแม่ได้ง่ายหลังคลอด ( ความยาวหัวนมปกติ คือ ๐.๕ – ๑ เซนติเมตร )
๖. แม่ที่ติดเชื้อ HIV ไม่ควรให้ลูกกินนมแม่ เพื่อลดโอกาสการผ่านเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูก
๗. การใช้มือบีบน้ำนมเก็บไว้ให้ลูก ดีกว่าใช้เครื่องปั๊มนม เพราะนอกจากจะสะดวก และ ประหยัดแล้ว การบีบน้ำนมด้วยมือ จะทำให้ได้ปริมาณน้ำนมที่มากกว่าการใช้เครื่องปั๊ม
๘. โดยทั่วไป แม่ที่ให้ลูกดูดนมแม่ จะมีรูปร่าง และ น้ำหนักกลับมาเป็นปกติเหมือนตอนก่อนท้อง เมื่อลูกอายุ ประมาณ ๖ เดือน ดังนั้น แม่ไม่จำเป็นต้องลดปริมาณอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก แต่หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่จะทำให้แม่อ้วนเท่านั้น

ข้อควรระวังเมื่อเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
๑. การเลี้ยงลูกไม่ถูกวิธี เพราะจำกัดการโต้ตอบกับเด็กไว้เพียงการอุ้มลูกมาดูดนมแม่เท่านั้น คุณแม่มือใหม่หลายท่าน จะมีความรู้สึกเป็นห่วงกลัวลูกไม่อิ่ม ดังนั้น เมื่อลูกตื่น หรือ ร้อง จะคอยเอาลูกมาอุ้ม และ ให้กินนมแม่โดยลืมปล่อยลูกวางไว้กับเบาะเพื่อให้ฝึกคืบ หรือพลิกคว่ำพลิกหงาย รวมถึงไม่ได้ฝึกให้ลูกคว้าของ จับของ หรือ สิ่งต่างๆรอบตัว ดังนั้น ความฉลาดที่ลูกได้มาจากพ่อแม่ และ ได้เสริมจากการการกินนมแม่ เมื่อไม่ได้รับการฝึกฝน ก็จะไม่ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพตามที่ควรจะเป็น ทำให้ดูเหมือนเด็กกินนมแม่บางคน พัฒนาการช้ากว่าปกติ
๒. หัวนมแตก ขณะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะ ท่าอุ้มไม่ถูกวิธีขณะให้ลูกดูดนม คุณแม่ที่ให้ลูกดูดนมแม่ แล้วพบว่า ต่อมา เกิดมีแผลที่หัวนม ให้ระวังว่าจะเกิดจากการให้ลูดดูดนมโดยปากลูกงับไม่ถึงลานนม ทำให้เกิดการเสียดสีของเหงือกลูก กับผิวหนังที่นมแม่ขณะที่ลูกดูดนมแม่ วิธีแก้ คือ ประคองคอลูก แล้วส่งศีรษะลูกมาให้ชิดกับหน้าอกแม่เพิ่มขึ้นเพื่อให้ปากลูกงับลานนม จะช่วยลดโอกาสการมีแผลเพิ่มที่หัวนม สำหรับผิวหนังแม่ที่เป็นแผลไปแล้วนั้น รักษาโดยเอาน้ำนมแม่มาป้ายที่แผล แล้วผึ่งให้แห้ง ทำซ้ำได้เป็นระยะ จนกว่าแผลจะหาย ไม่จำเป็นต้องใช้ยาทา หรือ ยากินแก้อักเสบ

สิ่งที่ควรปฏิบัติในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
๑. การดูแลตัวเองของแม่ ทั้ง อาหารกาย อาหารใจ การดูแลตัวเองของแม่ขณะให้นมลูกเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะ ความเหนื่อย ความหิว และ ความเครียด จะทำให้การผลิตน้ำนมลดลง ดังนั้น ควรกินอาหารให้ครบ ๕ หมู่ โดยมีปริมาณอาหารที่กินแต่ละมื้อ มากกว่าปริมาณอาหารที่แม่กินก่อนท้องประมาณ ๑ เท่าครึ่ง ในกรณีที่แม่น้ำหนักตัวปกติตอนก่อนท้อง (ไม่อ้วน หรือ ผอมเกินไป ) ควรกินน้ำ โดยเฉพาะน้ำอุ่นเป็นระยะ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำนม โดยอาจจะดื่มน้ำ ๑ ถ้วย ก่อนมื้อที่ลูกจะดูดนมแม่ หรือ ก่อนแม่บีบน้ำนม พยายามทำจิตใจให้ผ่อนคลายไม่เครียด ด้วยวิธีที่ตนเองถนัด เช่น ฟังเพลง เป็นต้น เพื่อช่วยให้การผลิตน้ำนมแม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
๒. บีบน้ำนมแม่เก็บไว้ ทุกครั้งที่หน้าอกคัด ในกรณีที่ลูกไม่สามารถดูดนมแม่ได้ เพื่อช่วยให้เกิดการผลิตน้ำนมแม่อย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา
๓. ฝึกการให้ลูกดูดนม ทั้งท่านั่ง และ ท่านอน เพื่อช่วยให้แม่ไม่ต้องทรมานกับการนั่งให้นมลูกในช่วงกลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่คุณแม่เองก็ง่วงเช่นกัน
๔. เอื้อโอกาสสามีเข้ามามีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูก คุณแม่หลังคลอดส่วนใหญ่ มีแนวโน้มจะกอดลูกไว้กับตัวอยู่แล้ว ดังนั้น ในกลุ่ม แม่ที่ให้ลูกกินนมแม่ จึงมีความพร้อมจะอุ้มลูกไว้กับอกตัวเองนานกว่าปกติ และ โดยธรรมชาติของเด็กที่ดูดนมแม่ระยะแรก จะนอนหลับทันทีเมื่อกินอิ่มและ ตื่นบ่อยเพราะหิว จึงควรเปิดโอกาสให้คุณพ่อเข้ามามีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูกตั้งแต่แรก ด้วยการสัมผัสลูก พูดคุยกับลูก และ เล่นกับลูก เวลาที่ลูกตื่น และ รอที่จะกินมื้อใหม่ นอกจากนี้ การที่คุณพ่อเข้ามาช่วยดูแลแม่ เช่น นวดหลัง นวดคอ และ นวดไหล่แม่ เป็นต้น จะช่วยสร้างความผ่อนคลายในตัวแม่ และ พร้อมที่จะอุ้มลูกให้ดูดนมแม่อย่างไม่ย่อท้อ
ที่มา :
www.nommae.org


ถ่านไฟเก่า...ยังมีหรือหมดไฟ?

ถ่านไฟเก่า...ยังมีหรือหมดไฟ? เป็นเรื่องธรรมดาของความรักนะครับที่เมื่อคบหากันได้สักระยะ คู่รักหลายคู่ก็คงพอจะเดาทางในอนาคตได้ว่า การคบหากันต่อไปจะลงเอยที่ใด จะจบแบบตอนท้ายของละครหลังข่าว หรือจบแบบเศร้าเคล้าน้ำตาก็ว่ากันไปตามครรลองของความรักและสัมพันธภาพครับ แต่เมื่อการคบหากันสิ้นสุดลง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เราจะได้ "แฟนเก่า" มาหนึ่งคน และจำนวนอาจจะเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนครั้งของความรัก ซึ่งคงมีบ้างบางครั้ง ที่อดีตรักยามเย็นก็อาจมาวนเวียนสร้างความสับสนหัวใจให้กับคุณได้อีกครั้ง (หรือหลายครั้ง) ...ใช่ไหมครับ โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งประเภทแฟนเก่าได้ 2 ประเภท ตามสาเหตุครับ คือ... แฟนเก่าที่เลิกคบหาด้วยเหตุสุดวิสัย อาจจะด้วยสิ่งแวดล้อม อย่างรักแท้แพ้ระยะทาง พลัดพลาดกันไปต่างบ้านต่างเมือง ต่างท้องที่ จึงไม่อาจสานรักต่อไปได้ แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่ได้ผลักไสไล่ส่งกันไปเพราะหมดรัก เป็นแฟนเก่าเพราะคุณทิ้งเขาหรือเขาทิ้งคุณ สรุปความชัดเจนได้ว่า เป็นแฟนเก่าเพราะไม่สามารถเดินทางไปบนทางเดินแห่งรักด้วยกันได้ ซึ่งถ่านไฟเก่าประเภทนี้ ค่อนข้างจะวางใจได้ว่า ไฟรักนั้นมันมอดไหม้ไปหมดแล้ว หากอีกฝ่ายผ่านมาให้หัวใจสับสนเล่นก็คงไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่กับแฟนเก่าที่เลิกไปโดยเหตุสุดวิสัยนั่น ถ้าให้คำจำกัดความก็น่าจะเป็นคำว่า "พิเศษ" คือ แม้จะเป็นอดีตไปแล้ว แต่ก็ยังจำฝังใจ ไม่อาจลบเลือนได้ และความผูกพันนั้นจะยังคงอยู่ในใจชั่วนิรันดร์ เพราไม่ทันได้เสียความรู้สึกก็ห่างหายกันไปซะ ก่อนนี่นา ซึ่งถึงแม้จะไม่เป็นขนาดนั่งเพ้อ นอนเพ้อ แต่ถ้าได้เจอกันอีกครั้งก็อาจสปาร์คหรืออาจคาดหวังให้มีลมพัดหวนบ้างก็เป็นได้...ใช่ไหมครับ ก่อนจะให้ลมหวนกลับหรือตกหลุมรักอีกครั้ง ต้องทบทวนและพิจารณา หน่อยนะครับว่า... คุณนั้นมีพันธะหรือยัง ถ้ามีแล้วยังคิดจะจีบเขาเป็นแฟนอีกไหม และคิดอีกตลบนะครับว่า หากตัดสินใจใส่เกียร์หน้าว่า จะไม่ให้เขาจากเราไปอีก แต่คิดหรือว่า เขาจะฝ่าศีลธรรมผิดลูกผิดเมียกลับมาโอเคซิกาแรตกับคุณ หรือตกร่องปล่องชิ้นกับคนมีเจ้าของแล้ว หรือคิดจะเขี่ยคนปัจจุบันให้พ้นทางไปเสียก่อน ก็แค่เห็นด้วยในหลักการนะครับ แต่ในเชิงปฏิบัติไม่สนับสนุนเด็ดขาดครับ อย่าคิดถึงแต่ตัวเองเสมอไป แม้มนุษย์ส่วนใหญ่จะเห็นแก่ตัวก็ตาม ถ้าคุณโสด แน่นอนว่าไม่ต้องหักห้ามใจ แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้โสด กลับมีลูก มีพันธะแล้ว พึงนึกถึงคำพระที่ว่า "หิริ โอตัปปะ" เข้าไว้ครับจงละอายและเกรงกลัวต่อบาปครับ แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายโสดสนิท เป็นโอกาสอันดีของคุณแล้วครับ ทีนี้อย่าปล่อยให้พรหมลิขิตทำงานเองอีกต่อไปเลยครับ แต่จง Destiny of your own กำหนดชะตาให้แก่ตัวคุณเอง จะรั้งดึงหรือยื้อยุดก็ทำไปเลยเต็มที่ครับ หากพบกันอีกครั้ง และเขาไม่ได้ท่าทีว่าจะย้อนกลับมารักคุณอีก ประกอบกับคุณก็ไม่ได้ปรารถนารสรักในวันนั้นอีกแล้ว ผมว่าคุณน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ เพราะการพบกันก็ไม่ได้หมายความว่าต้องจบลงด้วยการอยู่ด้วยกันเสมอไป บางทีอยู่ห่างกันบ้าง อาจทำให้ความรู้สึกดีๆ ยังคงเหมือนเดิม หรือยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ความรักมีเวลาของมันเองครับ และเมื่อสถานภาพแปรเปลี่ยนไป คุณต้องยอมรับความจริงว่า คนมีหลากหลายรูปแบบ คนที่คุณคบหาอยู่นั้นอาจจะจากกันดีๆ จบกันสวยๆ ด้วยเหตุผลที่เข้าใจ ซึ่งมันก็คงไม่ใช่อย่างนั้นทุกไป ยังมีคนที่เลิกรากันแล้วมองหน้ากันไม่ติด ยังมีคนที่คิดแค้น มีคนตามรังควาน ประหนึ่งครั้งหนึ่งไม่เคยรักกัน...ก็มี แล้วอย่างนี้ คนที่กำลังเป็นอดีตของคุณนั้น จะเป็นแฟนเก่าแบบไหนกัน? "แฟนเก่า" จอมรังควาน เป็นเรื่องปรกติที่ทุกคนมักจะมีช่วงเวลาที่ต้องการยึดคนรักไว้ แต่แฟนเก่าประเภทนี้ไม่มีวันยอมปล่อยมือ เขาเชื่อมั่นว่า เขาจะทำให้คุณกลับมาเป็นของเขาได้สำเร็จ แต่ถ้าไม่ได้ เขาจะต้องแน่ใจว่าคนอื่นก็จะไม่มีวันได้คุณไปครอบครอง อย่างน้อยก็ต้องทำให้มีเรื่องยุ่งยากขึ้นสำหรับคุณและคนใหม่ หากเขาทิ้งคุณ แม้ไม่บ่อยนักที่คนประเภทนี้จะเป็นฝ่ายทิ้งก่อน แต่ก็อาจเป็นไปได้ ในกรณีที่เขาเกิดหึงจนหน้ามืด แต่ใจก็หวังว่าคุณจะไม่จริงจังกับการตัดสินใจของเขา และก็จะทำทุกอย่างเพื่อทำให้คุณรู้ว่า เขายังไม่อยากให้คุณไปไหน เขาจะเข้ามาวอแว ทิ้งโน้ตไว้ตามที่ต่างๆ เพื่อให้คุณได้เห็น ตามคุณไปในที่ที่เป็นส่วนตัวหรือจู่ๆ ก็มาหาโดยไม่บอกล่วงหน้า หรือหากเขาบ้าพอ เขาอาจจะร้องเพลงวอนขอความรักของเขาคืน หากคุณทิ้งเขา อีกฝ่ายมักจะทนไม่ได้กับการต้องทำตัวติดกับเขาตลอดเวลาหรือความหึงหวงของเขา ซึ่งคนแบบนี้ก็จะตอบกลับด้วยท่าทีที่ว่า การที่คุณปฏิเสธความสัมพันธ์กับเขาเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะคุณกำลังทำร้ายและทำลายชีวิตของเขา คนแบบนี้มักจะขอโอกาสแก้ตัว ซึ่งคนบางคนอาจเกิดความรู้สึกผิดและยอมให้อภัย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คุณควรระวังเพราะมันจะไม่มีอะไรดีขึ้น สิ่งที่บ่งบอกว่าเขาเป็นแฟนเก่าประเภทนี้ คือ เขามักจะอยากรู้ทุกความเคลื่อนไหว และรายละเอียดทุกอย่างของคนรัก ต่อให้เขายังเป็นเพื่อนที่ดีกับอดีตคนรักของเขา เขาก็มักจะยอมรับแฟนใหม่ของอีกฝ่ายไม่ได้ เขาไม่ชอบที่ต้อง "แชร์" ผู้หญิงกับใครๆ และไม่ค่อยชอบคบหาใครๆ ด้วย ยามที่เขาออกไปกับคุณ เขาชอบให้คุณอยู่ข้างๆ และห้ามไม่ให้คุณสนใจใครอื่น หากคุณชอบท่าทีแบบนี้และรับมือกับมันได้สบายๆ ล่ะก็ คนรักลักษณะนี้จะเริ่มวางใจและผ่อนคลายมากขึ้น แต่หากคุณคิดที่จะเลิกกับเขาล่ะก็ เตรียมกุญแจบ้านไว้เปลี่ยนหลายๆ ดอกด้วยล่ะ "แฟนเก่า" ผู้ขมขื่นรวดร้าว คนๆ นี้จะมองและปฏิบัติต่อคนรักราวกับอีกฝ่ายเป็นเทวดาเทพธิดา แต่หากเขาเลิกรักคุณเมื่อไร สิ่งที่เขาจะทำคือทำตรงข้ามจากสิ่งที่เขาเคยเป็น เขาจะสาปส่งและพูดถึงคุณแต่ด้านลบ คนประเภทนี้มักจะเอาเรื่องคนที่เขาคบหาไปนินทาให้ใครๆ ฟังอย่างสนุกปาก และคุณก็มักจะได้รับรู้เสมอ เพราะความลับของคุณมันไม่ลับอีกต่อไปแล้ว หากเขาทิ้งคุณ คนๆ นี้จะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องความถูกต้องของตัวเอง โดยเขาอาจจะอวดอ้างกับใครๆ ว่าที่เราต้องเลิกกับคุณ เพราะคุณไม่ดีด้วยสาเหตุร้อยแปดพันประการ และเขาทนกับความแย่ของคุณไม่ไหว ซึ่งแน่นอนว่า ใครๆ ก็ต้องนึกว่าเขาเป็นฝ่ายถูก หากคุณทิ้งเขา เขาจะรู้สึกขมขื่น เจ็บปวด และคิดว่ามันเป็นความผิดของคุณมากกว่าเขา เขามักจะเอาเรื่องที่คุณไม่ยุติธรรมต่อเขาไปเล่าให้คนอื่นๆ ฟัง แต่คุณไม่จำเป็นต้องตอบโต้ด้วยการโพนทะนาเรื่องแย่ๆ ของเขาหรอกนะครับ เพราะสิ่งที่เขาทำลงไปก็เพื่ออยากจะรักษาหน้าของตัวเองเท่านั้น สิ่งที่บ่งบอกว่าเขาคือแฟนเก่าประเภทนี้ คือมักจะตำหนิและกล่าวโทษคนอื่นๆ เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น (ยกเว้นตัวเอง) เขาต้องการให้คนอื่นเห็นว่าเขาดีแต่คุณนั้นแย่ คนประเภทนี้จริงๆ แล้วเป็นคนที่อารมณ์ไม่มั่นคงและต้องการการยอมรับ แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมักตรงกันข้าม เช่น ท่าทีไม่แคร์และตีหน้าหยิ่งยะโสหลอกชาวบ้าน คนแบบนี้จะเป็นคนรักที่น่ารัก หากความสัมพันธ์ให้ดีคงเส้นคงวา จริงไหมครับ ดังนั้น หากคุณต้องการเลิกรา สิ่งที่ต้องเตรียมตัวคือการตั้งรับเรื่องร้ายๆ ให้ดี "แฟนเก่า" ผู้ประเสริฐ แฟนเก่าประเภทนี้ถือเป็นอดีตคนรักที่เยี่ยมที่สุดในบรรดาแฟนเก่าประเภทต่างๆ เขาเป็นคนมีเหตุผล เขาจะไม่เดือดร้อนหากคุณทำทีสนใจหนุ่มอื่น เขาจะไม่ก้าวก่ายหรือพูดให้ร้ายคุณกับคนอื่นๆ แม้ว่าคุณจะทำร้ายจิตใจของเขาก็ตาม และหากคุณไม่ต้องการความรักของเขา เขาก็จะกลายเป็นเพื่อนที่ดีของคุณได้เช่นกัน หากเขาทิ้งคุณ คนแบบนี้เลือกที่จะบอกเลิกด้วยวิธีที่ละมุนละม่อมและไม่ทำร้ายจิตใจ ถ้าเขามีคนใหม่ เขาจะบอกคุณอย่างตรงไปตรงมาและพร้อมจะอธิบาย ถ้าคุณต้องการฟังมันจริงๆ หากคุณทิ้งเขา แม้เขาจะเสียใจ แต่เขาจะไม่ยอมให้สิ่งนี้มาหยุดชีวิตของเขา เขามีวุฒิภาวะที่ดีในการก้าวต่อไปข้างหน้า หากเขายังไม่พร้อมกับการพบกับคุณ เขาจะบอกคุณอย่างตรงไปตรงมา เขาจะกลับมาเป็นเพื่อนกับคุณเมื่อเขาพร้อม สิ่งที่บ่งบอกว่าเขาเป็นแฟนเก่าประเภทนี้ คือ เขามีความซื่อสัตย์อยู่เต็มหัวใจเขาเป็นคนจริงใจและพร้อมช่วยเหลือเพื่อนฝูงเท่าที่เขาสามารถทำได้ แต่ขณะเดียวกันเขาไม่ใช่หนุ่มที่ต้องการผูกติดกับใครตลอดเวลา เขาเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ และตั้งรับกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี หากคุณบอกเลิกกับเขา มันก็ไม่ได้ทำให้หัวใจเขาสลาย แต่ในเมื่อเขาดีออกปานนี้ คุณทำไมถึงอยากเลิกกับเขานักล่ะครับ? "แฟนเก่า" ผู้ตัดรอน คนประเภทนี้เลิกคือเลิก หากใครคนไหนที่คิดว่าจะไปจากเขา เขาจะตัดเธอออกจากสารระบบของเขาทันที อย่างไม่เห็นประโยชน์ที่จะต้องเก็บคุณไว้เป็นเพื่อนให้รกชีวิต คนแบบนี้มักจะกวาดข้าวของประดามีของสาวคนรักไปกองไว้ที่หน้าบ้านเธอ และจากไปโดยไม่ให้โอกาสคุณได้พูดจาอะไรกันอีก หากเขาทิ้งคุณ หากคนๆ นี้ต้องการเลิก เขาก็มักจะตัดสินใจแบบคิดมาแล้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาจะเหินห่างและถอนตัว โดยไม่เปิดโอกาสให้คุณเข้ามาต่อได้ติดแบบตัดบัวไม่เหลือใย เหมือนคุณไม่เคยมีตัวตนมาก่อน หากคุณทิ้งเขา เขาจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และอาจแสร้งทำเป็นไม่สนใจคุณ แต่จริงๆ เขาอยากให้คุณช่วยบอกเขาว่าเขาผิดตรงไหน และอาจพยายามทำให้คุณเปลี่ยนใจกลับมารักกันใหม่ แต่หากเขาทำไม่สำเร็จ และมั่นใจว่าคุณไม่อยากมีเขาอีกต่อไป คุณก็จะกลายเป็นคนนิรนามสำหรับเขาไปโดยปริยาย สิ่งที่บ่งบอกว่าเขาเป็นแฟนเก่าประเภทนี้ คือ นอกจากเขาจะตัดขาดจากบรรดาอดีตสาวๆ ของเขาแล้ว เขายังแทบจะไม่พูดถึงเธอเลย เขามีอารมณ์ที่แน่วแน่แต่ไม่ต้องการเปิดเผยกับใคร เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ และชัดเจนกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ จะว่าไปคนแบบนี้ก็เป็น “แฟนเก่า” ที่ดีครับ เพราะเขาจะไม่ติดตามวอแว รบกวนคุณให้ยุ่งยากใจ จนบางทีคุณอาจเสียดายเวลาดีๆ ที่เคยมีด้วยกัน ดังนั้น จงแน่ใจหากต้องการเลิกกับคนประเภทนี้ เพราะคุณจะไม่มีวันได้เขาคืนแน่นอน "แฟนเก่า" ผู้วนเวียน คนประเภทนี้เป็นคนที่คุณสามารถเรียกหาได้ตลอดเวลาที่คุณต้องการ แม้แต่ตอนที่คุณกำลังถูกคนรักใหม่หักอก คนๆ นี้จะดูแล เอาใจใส่ และเป็นไหล่ให้คุณซบหน้าร้องไห้ในยามที่คุณมีปัญหา เขาจะกลายเป็นแฟนเก่าที่คุณมักจะเผลอมีอะไรๆ กับเขาอีก เพราะในยามที่คุณเศร้า คุณก็ชักไม่แน่ใจว่าทำไมคุณถึงอยากเลิกกับเขา หากเขาทิ้งคุณ ซึ่งแน่นอนว่าไม่บ่อยนักที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นอาจมีสาเหตุเพราะว่าความต้องการที่ชัดเจนของคุณทั้งสองคน หรืออาจเป็นเพราะความรู้สึกของคุณได้กลายมาเป็นความรู้สึกแบบเพื่อนไปแล้ว เขาเองก็คิดว่ามันยุติธรรมกว่าที่จะให้คุณจากไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขารู้สึกไม่ดีที่ทำให้คุณเสียใจหรือเหมือนติดหนี้กันอยู่ ถ้าคุณไม่สามารถตัดเขาได้ คุณก็จะมีสัมพันธ์แบบลักปิดลักเปิดกับเขาไปอีกนาน หากคุณทิ้งเขา เขาจะไม่เป็นปัญหาและไม่ทำให้คุณรู้สึกผิด เขาก็จะยังคงอยู่เคียงข้างคุณยามที่คุณต้องการ จนคุณอดเปรียบเทียบเขากับคนรักคนใหม่ของคุณไม่ได้อยู่ร่ำไป เพราะจริงๆ แล้ว เขายังครองความเป็นเพอร์เฟคแมนของคุณอยู่นั่นเอง สิ่งที่บ่งบอกว่าเขาเป็นแฟนเก่าประเภทนี้ คือ คนๆ นี้สามารถพูดคุยกับคุณได้ว่า เขาจะอยู่เคียงข้างคุณ แม้ว่าความรักระหว่างคุณนั้นมันจบไปแล้ว เขาจะดูแลและปกป้องคุณ และมักจะทำให้คุณรู้สึกดีเสมอว่า มีใครบางคนที่คุณจะพึ่งพาเขาได้ในทุกสถานการณ์ แต่หากคุณแน่ใจว่าจะเลิกก็โปรดยุติธรรมกับเขาสักหน่อย อย่าให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับเขา หากคุณไม่ได้มีใจกับเขาแล้ว ไม่ว่าคนที่คุณเคยรักจะเปลี่ยนสถานภาพเป็นแฟนเก่าประเภทไหน ไม่ว่าความรักครั้งนี้ของคุณจะลงเอยอย่างไร อย่าเพิ่งไปกังวลกับจุดหมายปลายทางนั้นเลยครับ...ผมเชื่อว่า ระหว่างการเดินทางที่คุณทั้งสองเดินเคียงคู่กันนั้น ยังมีทั้งดอกไม้ ผีเสื้อ และอะไรๆ สวยงา




รัก 4 แบบที่ไม่ควรเอาอย่าง
รัก 4 แบบที่ไม่ควรเอาอย่าง รักไม่ลืมหูลืมตา รักแบบหลับหูหลับตา หรืออีกนัยหนึ่งดูจะมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า "รักแล้วเอาหูไปนาเอาตาไปไร่" ความรักประเภทนี้ออกจะเข้าข่ายรักมากจนเกินพอดี รักจนทนรับสภาพกับความมึนของเขาไม่ไหว จนต้องปลอบใจตัวเองว่า เขารักคุณจะตาย แต่ที่เขาแอบไปกุ๊กกิ๊กกับคนอื่น ก็เพราะเขาอยากหาสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในชีวิต! เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คุณคิดไปไกลได้ถึงขนาดนี้ คุณอาจไม่ผิดที่พยายามเก็บความรักของคุณในรูปแบบเฉพาะ แต่สิ่งที่เราอยากแนะให้ทำคือลืมตาตื่น (เสียที) ลืมตาในรักของคุณแล้วใช้มันให้คุ้ม ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบของการทะเลาะ การกรี๊ดเพื่อปลดปล่อย หรือ กระทั่งการพูดถึงปัญหาที่กำลังเกิด โปรดจงเข้าใจว่า ความรักเป็นเรื่องของความ "จริง" ในชีวิต ถ้าคุณจริงใจที่จะรักเขา เขาก็ต้องจริงใจในรักของคุณ แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้น คุณก็ควรจะเปลี่ยนความคิด (และคน) เสียที ขอให้เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนทำได้ เพราะการรับรู้ความเป็นไปของเขา อาจจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณคิดอะไรออก ไม่มีใครเกิดมาแล้วมีรักอย่างที่ตัวเองคิดไว้ทุกคน แต่ฉลาดรักให้ได้ก็พอรักเอาแต่ใจ รักประเภทนี้เป็นรักที่น่ารำคาญเป็นที่สุด คุณอาจเป็นตัวน่ารำคาญหรือไม่ก็เขา แต่ส่วนใหญ่เราเชื่อว่าเป็นผู้หญิงนี่แหละ ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนคุณต้องให้เขาโทรรายงานตลอด ถ้าเขาไม่โทรมาก็ทำหน้าเม้งใส่เขา และจบลงด้วยการงอนแบบกระฟัดกระเฟียด รักแบบนี้ยังรวมไปถึงการหึงหวงไม่เลือกหน้า เอาให้น้อยๆ หน่อยเถอะค่ะ ถ้าคุณหึงเพื่อนผู้หญิงของเขา ก็ควรจบลงด้วยการเคลียร์ถึงปัญหา เพราะบางครั้งคุณต้องเชื่อใจคนที่ตัวเองรัก ไม่ใช่หึงดะแม้แต่เพื่อนผู้ชายที่ไปเมาด้วย รักแบบนี้แหละที่ผู้ชายมักเหลืออดและบอกเลิกเอาซะดื้อๆ อ้าว! คุณขา อย่าให้มันเลยเถิดถึงขั้นนั้น เพราะความสัมพันธ์กว่าจะก่อได้ไม่ใช่ใช้เวลาแค่สองนาที เอาเป็นว่าเปลี่ยนนิสัยเสียหน่อยก็คงไม่สาย เดินสายกลางเป็นสิ่งที่ดีที่สุด งอนได้ หึงได้ แต่เอาแค่พอน่ารัก อย่างอแงเป็นเด็กสามขวบ เพราะเดี๋ยวคุณจะไม่เหลือหนุ่มๆ อีกเลยในชีวิตเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก เราไม่ได้กำลังจะบอกถึงวิธีรับมือกับอาการอกหัก แต่เราเพียงอยากให้คุณสามารถจัดการกับปัญหาที่คุณกำลังเจอ คุณอาจจะร้องไห้ฟูมฟายหรือคลั่งแทบบ้า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ร้องไปเถอะถ้าอยากจะร้อง ไม่ต้องมานั่งหมกเม็ดว่า ฉันแข็งแกร่งและรับไหว อาการเจ็บสุดขั้วมันต้องเจอกันทุกคน บางคนอาจจะใช้เวลาเพียงน้อยนิด สำหรับผู้หญิงลืมยาก พึงทำความเข้าใจกับรูปแบบของอาการเศร้าโศกที่ว่าไว้สักหน่อย ถึงแม้ว่าปากของคุณกำลังพรั่งพรูออกมาว่าคุณ อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา (?!) แต่เชื่อเถอะ ถ้าเอาเข้าจริง เมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ว่าคุณจะเจ็บสักแค่ไหน ยังไงคุณก็ยังคงอยู่ต่อไปได้ แต่เพียงทำหัวใจให้เข้มแข็งแล้วเรื่องร้ายๆ ก็จะผ่านไปได้ในที่สุดรักตัวเองไม่เป็น ฟังดูคล้ายเรื่องแปลกว่า มีจริงเหรอคนที่ไม่รักตัวเอง บอกได้เลยค่ะว่าคนเหล่านี้มีมากมายเสียจนนับไม่ถ้วน ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็มาจากการรักคนอื่นเสียจนลืมส่องกระจกดูตัวเอง ลืมถามความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง และเผลอๆ ก็อาจสูญเสียความเป็นตัวเอง เพราะปล่อยให้วิธีคิดแบบผิดๆ ต้องมาสิงสู่เสียจนไม่เหลือวิญญาณ เพราะ ฉะนั้นก็ได้เวลาแล้วที่ผู้หญิงอย่างเราต้องถามตัวเองให้ชัดเจนว่า รักเพื่ออะไร รักจริงหรือไม่ เราเสียความเป็นตัวเองไปแค่ไหน และรักแล้วเรามีความสุข หรือความทุกข์กลับมากันแน่ ที่สำคัญ พึงระลึกไว้เสมอว่าหาก คุณรักตัวเองเป็น คุณก็จะได้รับความรักที่สมค่ากลับคืนมา แต่หากไม่ คุณก็จะกลายเป็นคนที่ต้องเสียเปรียบคนอื่นไปตลอดชีวิต